eyelid spa คืออะไร เหมาะสมกับใครบ้างที่สามารถทำได้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรื่องของดวงตาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับคนเรามาก ๆ เลย เนื่องจากว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีปัญหาเรื่องดวงตาขึ้นมา ก็จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนเราทันที เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราก็ควรที่จะมีการดูแลดวงตาของเราให้ดีขึ้นด้วย เพื่อให้ดวงตาคู่นี้ของเราสามารถอยู่กับเราไปได้นาน ๆ และสามารถที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในตอนนี้ก็มีสิ่งดี ๆ สำหรับการดูแลดวงตาที่เรียกว่า eyelid spa อยู่ด้วย แล้วสิ่งนี้คืออะไร ไปทราบพร้อมกันในบทความนี้เลย 

eyelid spa คืออะไร  

eyelid spa หรือ สปาดวงตา เป็นการช่วยทำความสะอาด และขจัดไขมันที่อุดตันอยู่ในต่อมไขมันที่บริเวณเปลือกตา โดยการทำสปายังช่วยให้ดวงตาของเรามีความชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น ช่วยตาเกิดความรู้สึกผ่อนคลายที่สะสมมาจากความเหนื่อยล้า อีกทั้งยังช่วยให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และรู้สึกโล่งตามากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งการทำสปาตานั้นก็ไม่เจ็บเลย แถมยังให้ผลลัพธ์หลังจากทำเสร็จที่ดี และที่สำคัญยังราคาไม่แพงด้วย 

ขั้นตอนการทำ eyelid spa 

1. ให้เริ่มจากการประคบอุ่นที่บริเวณดวงตา การทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยเปิดรูขุมขนของต่อมไขมัน และละลายไขมันที่อุดตัน 

2. เมื่อประคบอุ่นแล้ว ให้นวดที่บริเวณเปลือกตาด้วย เพื่อเป็นการช่วยกดระบายไขมันที่อุดตันออกมา 

3. ต่อมาก็จะต้องทำความสะอาดเปลือกตา โดยจะทำความสะอาดด้วยการใช้เจลที่สามารถขจัดคราบไขมันออกได้ 

4. หลังจากนั้นแล้วก็จะต้องทำการนวดกดจุดรอบดวงตา อีกครั้งเพื่อให้ดวงตาเกิดการผ่อนคลาย 

ข้อจำกัดของการทำ eyelid spa 

สำหรับผู้ที่ต้องการทำสปาดวงตานั้น จะต้องไม่เป็นโรคที่ติดเชื้อเกี่ยวกับดวงตา เช่น การเป็นตากุ้งยิง ตาแดง ตาอักเสบ โดยหากว่าอยากที่จะทำสปาดวงตา ก็จำเป็นจะต้องทำการรักษาดวงตาให้หายก่อน 

สปาดวงตาเหมาะกับใคร  

การทำสปาดวงตาจะเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีการใช้สายตาเยอะ ทำงานกับหน้าจอคอมอย่างหนัก และใช้เวลานาน จนทำให้มีอาการตาแห้ง ตาล้า อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่สวมใส่คอนแทกต์เลนส์เป็นประจำ รวมถึงคนที่เคยผ่านการทำเลสิกมาแล้วก็สามารถทำสปาตาได้เช่นกัน  

สำหรับที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดที่เกี่ยวกับ eyelid spa หรือการทำสปาตา ทั้งนี้ในการทำสปาตาก็สามารถทำได้ทุก ๆ 1-4 สัปดาห์ โดยจะขึ้นอยู่ความเหมาะสมของอาการที่เป็นอยู่ หากว่าอยากจะทำสปาตาได้อย่างเหมาะสมก็ควรที่จะเข้ารับการปรึกษากับจักษุแพทย์ก่อน เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมให้อีกที